จำนวนคนอ่านล่าสุด 507 คน

พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า สีเหลือง พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้


พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า สีเหลือง พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้

พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า สีเหลือง พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้

พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า สีเหลือง พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้


รายละเอียด :

4264         

 บทความ

Chok Permpool

ผู้ดูแล · 1 กุมภาพันธ์

พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต โดย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต"พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด
ประเทศนั้นจะไม่ยิ้มด้วยภัยแห่งสงคราม&q­uot;การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคใน
ประเทศนั้น และด้วยความรักและท่านยังบอกอีกว่า วัดพระแก้วนี้เป็นวัดพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ พระสงฆ์อยู่ไม่ได้ เพราะพระสงฆ์มาจาก
ตระกูลต่างๆ ทั้งหยาบทั้งละเอียด ไม่รู้พุทธอัธยาศัยพุทธธรรมเนียม เพราะพระพุทธเจ้าเป็นทั้งกษัตริย์และผู้สุขุมาลชาติ เมื่อพระสงฆ์ไม่รู้พุทธธรรมเนียม
ถ้าไปอยู่ก็มีแต่บาปกินหัวผู้รู้ทั้งพุทธอัธยาศัยและพุทธธรรมเนียมแล­้วมีพระมหากษัตริย์องค์เดียวเท่านั้น ครั้งพุทธกาลก็มีพระเจ้าพิมพิสารเท่านั้นทรงรู้ แต่จอมไทย
คือ พระมหากษัตริย์ทรงรู้มาแล้ว ได้ทรงสร้างวัดถวายจำเพาะพระแก้วเท่านั้นพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นหน่อเนื้อ­พุทธางกูรคือ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ต่างแต่ วาสนาบารมีมากน้อยต่างกันเท่านั้น ท่านจึงทรงรู้พุทธอัธยาศัยเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าผู้ใดย่างกรายเข้าสู่วัดพระแก้วเป็นบุญทุก­ขณะที่อยู่
ในบริเวณวัด แม้แต่ชาวต่างชาติ มีโอกาสเข้าไปใน บริเวณวัดพระแก้ว จะด้วยศรัทธาหรือไม่ก็ตาม ก็ได้ เข้ามาสู่วงศ์พระพุทธศาสนาโดยปริยาย หรือจะ
บังเอิญก็แล้วแต่ สามารถเป็นนิสัยให้เข้ามาได้ต่อไปจะสามารถมาเกิดเป็นคนไทย สืบต่อบุญบารมีสำเร็จมรรคผลได้

วาละลุกัง สังวา ตังวา สาธุ...
ถ้ายังต้องกลับมาเกิด ขอให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา พบพระนิพพานเทอญ..

ฉัพพรรณรังสี คือสีที่แผ่ออกจากพระวรกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มี 6 สี คือ
สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน คือสีน้ำเงินนั่นเอง
สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง
สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน
สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง
สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่
สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก (คือสีทั้ง 5 ข้างต้นรวมกัน)
แสงเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่า วรรณรังสี ซึ่งทั้ง 6 สีถือว่า เป็นสีมงคลของพุทธศาสนิกชน+

ฉัพพรรณรังสีนี้พระพุทธองค์จะเปล่งหรือไม่เปล่งออกก็ได้ ถ้าเปล่งก็เป็นรัศมีที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏแก่คนทั่วไป และทำให้เกิดความศรัทธาสูงสุด

พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า

ในพระธัมมสังคณีภาคหนึ่งเล่มที่ ๑ คัมภีร์ที่ ๑ ในพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ บรรยายว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง เริ่มตั้งแต่พระคัมภีร์ที่ ๑ - ๖ เป็นการแสดงให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงของปรมัตถธรรมทั้งปวง ระยะนั้นไม่มีความพิศดารแปลกประหลาด

แต่เมื่อทรงแสดงคัมภีร์ที่ ๗ มหาปัฏฐาน อันเป็นพระอภิธรรมประเสริฐยิ่ง ทรงปลื้มปิตี ยินดีอย่างล้นพ้น เกิดพระฉัพพรรณรังสี พระพุทธองค์ทรงพิจารณาธรรมนั้นอยู่ถึง ๗ วัน ด้วยสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ทุก ๆ พระองค์

ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า

สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง

สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง

สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง

สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)

สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)

สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน

ฉัพพรรณรังสีที่ซ่านออกมาหลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาถึงคัมภีร์มหาปัฏฐาน ในเบื้องต้นฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกายไปสู่เบื้องล่าง

จากมหาปฐพีใหญ่ อันหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นลอดทะลุแผ่นดิน ลงไปจับน้ำในแผ่นดินหนาถึงสี่แสนแปดหมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นเมื่อเจาะทะลุลมแล้ว แล่นลงไปสู่อัชฎากาส อากาศว่าง ๆ ภายใต้ลม

ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ไปสู่เบื้องบนแผ่ไปตั้งแต่มนุษย์และเทวภูมิ ๖ คือ จากนั้นแผ่ไปยังพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา จนถึงชั้นสุทธาวาส ๕ แล้วแล่นไปสู่อัชฎากาส

ฉัพพรรณรังสีที่ไปสู่เบื้องขวาอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีรัศมีใด ๆ ที่เทียบเท่าได้เลย แม้รัศมีของพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และเทวดาทั้งหลายก็สู้ไม่ได้

ฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏในบรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือมองไม่ให้ก็ได้ แต่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า

มีพระรัศมีแผ่ไปมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ คือ มีรัศมีแผ่ไปแสนโกฏิโลกธาตุ (แสนโลกธาตุเท่ากับแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งเท่ากับ ๓๑ ภูมิ)

ส่องสว่างเป็นรัศมีสีทองทั่วไปตลอดทั้งกลางวันกลางคืน กลบแสงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จนสิ้น ประชาชนจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันจากเสียงนกร้อง เป็นเวลากลางคืนเมื่อดอกไม้บาน

เหตุที่พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างโดยตลอดนั้น เพราะสมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ยักษ์ตนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ได้มาขอบุตรสองคนจากพระโพธิสัตว์

พระองค์ทรงบริจาคให้โดยถือว่าเป็นบารมีไปสู่โพธิญาณ พอยักษ์ได้เด็กแล้วก็กินเด็กทั้งสองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วไม่มีความเสียพระทัยแม้เพียงปลายผม

http://www.buddha-dhamma.com/index.php…
https://www.phuttha.com/…/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8…
http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/120762

โทร: 

ราคา: 0 บาท

หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระสมเด็จ

0 ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถโพสบทความหรือแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ