จำนวนคนอ่านล่าสุด 1238 คน

พระสมเด็จ เบญจสิริ2411



รายละเอียด :

ขอขอบคุณ เจ้าของบทความ

**************************

ธรรมมณีแห่งเสน่ห์Amulet

26 สิงหาคม 2017 · 

พระสมเด็จเบญจรงค์(เบญจศิริ) กรุวัดพระแก้ว...หรือเรียกอีกชื่อว่า"สมเด็จสายรุ้ง"
พระสมเด็จชุดนี้มีการนำผงตะไบทองที่ได้จากการตะไบและการแกะพระพุทธรูปและการแกะอักษรบนแผ่น ยันต์คาถามงคลต่างๆเศษและผงที่ได้จึงนำมาผสมลงไปจึงพบทั้งชนิดเป็นเซี่ยนเป็นแผ่นเล็กๆบางๆ และเป็นแบบผง
แต่ชนิดแบบผงจะค่อนข้างน้อยจำนวนไม่มากนักองค์ไหนมีมากก็จัดว่าเป็นพระที่งดงามสวย
การสร้างก็มีการแบ่งแยกเพื่อนำไปบรรจุพระที่สร้างเพื่อบันจุที่วังหลวงจะทำการปั๊มตราครุฑ ตรางช้าง ตราอาร์มต่างๆของสมัยนั้น เป็นการแยกเพื่อบรรจุในวังหลวง
ส่วนพระสมเด็ขที่พบที่โบสถ์และเจดีทองที่วังหน้าด้านหลังจะเลียบเป็นส่วนใหญ่
พระสมเด็จสายรุ้ง กรุเจดีย์ทอง วัดพระแก้ว
เป็นพระสมเด็จที่เจ้ากรมท่า หรือเรียกให้เต็มว่า เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เสนาบดีกรมพระคลัง สมัยรัชกาลที่ 4-5 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2411
ท่านเจ้าคุณกรมท่ายกย่องนับถือในเกียรติคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านมีถิ่นกำเนิดอยู่ใกล้วัดระฆัง และบวชเรียนหนังสือที่วัดระฆัง จนเป็นมหาเปรียญหลายประโยค เมื่อสึกหาลาเพศออกมาท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็ฝากฝังให้รับราชการในรัชกาลที่ 4 จนก้าวหน้าขึ้นตามลำดับถึงยศเจ้าพระยา เสนาบดีกรมพระคลังในสมัยรัชกาลที่ 5
ประวัติกล่าวว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต เป็นประธานสงฆ์ในการทำพิธีพุทธาภิเษกพระสมเด็จชุดเบญจรงค์ ซึ่งเจ้าคุณกรมท่า และกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญสถานมงคล (พระโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ) ซึ่งเป็นอุปราชวังหน้าองค์สุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นผู้สร้างขึ้น เป็นพิธีหลวง ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส (อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติปัจจุบัน) มีสุดยอดพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นร่วมพิธีพุทธาภิเษกถึง 108 รูป
พระสมเด็จรุ่นนี้มีมากมายหลายสิบพิมพ์ เช่น
พิมพ์ใหญ่ 3 ชั้น
พิมพ์ทรงเจดีย์
พิมพ์วัดเกตุไชโย
พิมพ์พระพรหมรังสี
พิมพ์นางพญา
พิมพ์พระแก้วมรกต
พิมพ์ปิดตา
พิมพ์สังกัจจาย
พิมพ์ลีลา
พิมพ์นาคปรก
พิมพ์สมาธิเรือนแก้วซุ้มรัศมี
พิมพ์พระรอด
พิมพ์ซุ้มกอ
มีทั้งเนื้อกังไสผงดินสีขาวจากมณฑลกังไส แตกลายงาและไม่แตกลายงา โรยทองและไม่โรยทอง ทั้งลงรักโรยทองและลงชาดก็มี
สีเบญจรงค์(5สี) สีเขียวไข่กา สีด้านมะลิสด สีแดง สีดินสอเหลืองผสมชาดหรดาล สีดำ(ผงใบลานคลุกรัก) เป็นต้น
พระสมเด็จชุดนี้ถือว่างดงามที่สุด และสร้างอย่างประรีตบรรจงที่สุด เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็แจกจ่ายแก่เจ้านายชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ระดับสูง เจ้าสัวเศรษฐีทั้งหลาย ที่เหลือก็ใส่ไหบรรจุไว้บนหลังคาพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสส่วนหนึ่ง ในเจดีย์ทองรอบวัดพระแก้วมรกตส่วนหนึ่ง วัดระฆังส่วนหนึ่ง
พระเครื่องชุดนี้โด่งดังครั้งแรกเมื่อเกิดลงห่าลงกินเมือง (อหิวาตกโรค) ผู้ที่มีสมเด็จเบญจรงค์ได้นำมาอธิษฐานทำน้ำมนต์กินก็สามารถระงับอาการป่วยได้ ก็เลยทำตาม ๆ กัน จนโรคห่าสงบ ชาวบ้านจึงเลื่อมใสกันมาก ต่างแสวงหากัน
แต่ก็หาไมได้ เพราะท่านนำไปบรรจุในกรุเจดีย์ต่าง ๆ หมดแล้ว กรุเจดีย์ที่วัดระฆังก็ถูกน้ำเซาะตลิ่งพังจมลงในแม่น้ำเจ้าพระยา
จึงเหลืออยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปัจจุบัน และที่เจดีย์ทองวัดพระแก้ว
ต่อมาเมื่อมีการบูรณะวัดบวรสถานมงคลที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (พ.ศ.2514) ก็พบไหบรรจุพระสมเด็จบนเพดาน คนงานที่รื้อเพดานก็ลักลอบนำออกมาส่วนหนึ่ง
แต่สมเด็จที่พบบนเพดานวัดบวรสถานมงคล เป็นพระสีน้ำหมาก มีโรยทอง สีสันงดงามมาก บางองค์ก็มีทองมาก บางองค์ก็มีทองน้อย ทองคำนี้บรรดาร้านทองในยุคนั้นได้นำเศษทองที่เกิดจากตะไบใส่กระป๋องมาถวายกรมพระราชวังบวร
ท่านจึงนำมาโรยบนองค์พระฝังลึกลงในเนื้อ บางองค์ก็มีพระธาตุสีขาวองค์เล็ก ๆ ประดับอยู่ แต่วงการพระเครื่องพระบูชาพระเห็นแล้วไม่ได้ส่งเสริมกัน เพราะมีจำนวนไม่มากพอสำหรับการตลาด จึงกล่าวกันว่า พระที่เขาไม่เล่นกัน คือไม่มีราคานั่นเอง ต่อมาคนที่ได้ไปครอบครองประสบความเจริญรุ่งเรืองก็พากันแสวงหา แต่มักอยู่ในครอบครองเจ้านายทหารตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้าวานิชระดับสูงเท่านั้น
ส่วนพระสมเด็จสายรุ้งที่สร้างพร้อม ๆ กัน มาจากกรุเจดีย์ทองวัดพระแก้วมรกต ก็แตกกรุคราวซ่อมแซมวัดพระแก้วมรกต คนงานแอบนำออกมาเร่ขายแถวท่าพระจันทร์
พระสมเด็จที่น่าเลื่อมใสที่สุดคือพระสายรุ้ง เพราะมาจากเจดีย์ทองวัดพระแก้ว วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีเทวดาอารักษ์ผู้ยิ่งใหญ่มากมายสถิตอยู่เพื่อช่วยบำรุงรักษาบ้านเมืองให้รอดพ้นภัยอันตราย
และเป็นวัดที่ประกอบพิธีพุทธาภิเษกระดับชาติบ่อยที่สุด ดังนั้นพระชุดนี้ต้องเต็มเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล ให้คุณวิเศษแก่ผู้ครอบครองอย่างยิ่งยวด
ถ้าเอาไว้คุ้มครองป้องกันตัวแล้วรีบ ๆ แสวงหากันเถอะ ใครได้ไว้ถือว่าโชคดีที่สุดในชีวิต พอ ๆ กับได้พระธาตุเหล็กไหลไพลดำมาครอบครองเสียอีก แต่ต่อไปในภายภาคหน้าพระสมเด็จชุดนี้ก็จะมีราคาระดับหลายหลักเช่นกัน

ข้อมูลประกอบเรื่อง
@ มวลสารของพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (เรียบเรียงบทความ : โอ๋ เอ็มสิบหก)
จากเรื่องของสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มาครั้งนี้ ขอกล่าวถึงเรื่องของมวลสารต่างๆที่นำมาผสมเป็นพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ด้วยว่าการสร้างพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่านั้นไม่ได้สร้างเป็นจำนวนแสน หรือ 8 หมื่น 4 พัน ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ มวลสารของพระสมเด็จท่านเจ้าพระยาทิพากรวงศ์โกษาธิบดี (ขำ บุญนาค) กรมท่าในรัชกาลที่ 4 ได้บันทึกเกี่ยวกับโครงสร้างของพระพิมพ์สมเด็จว่ามีส่วนผสมของปูนเพชร “ปูนเพชร” คือ ปูนที่ตำจากหินเนื้อแกร่งและมีน้ำหนัก พระพิมพ์สมเด็จส่วนมากเป็นพระที่มีน้ำหนัก พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า สร้างในยุคสมัยที่มีการทำเครื่องเบ็ญจรงค์ พระสมเด็จสีขาวจึงส่วนผสมของหินเทือกเขาเมืองอันฮุย (หินที่นำมาบดคัดแยกสำหรับใช้ทำเครื่องปั้นสังคโลก) และเรียกกันว่าปูนเพชร หรือดินเกาลิน ซึ่งพบว่ามีอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งวิเคราะห์จากเนื้อหาพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่าและอ่านดูตามประวัติการทำเครื่องเบญจรงค์ในต้นสมัยรัชกาลที่ 5 มีการสั่งหุ่นถ้วยชามจากเมืองเก็งเต็กติ้น มณฑลกวางไส ประเทศจีน และเมืองเก็งเต็กติน หินอย่างดีซึ่งมีอยู่ตามเทือกเขาเมืองอันฮุย นำมาคัดคุณภาพบดย่อยผสมน้ำยาเพื่อปั้นเป็นถ้วยชาม ซึ่งพระสมเด็จกรมเจ้าท่าได้สร้างในสมัยนี้พอดี เมื่อพิมพ์พระเสร็จแล้วนำออกผึ่งแดดที่ร้อนจัดจะแตกลายสังคโลกเพราะแห้งและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ถ้าแห้งโดยการผึ่งลมหรือตากในที่ร่ม จะไม่เกิดรอยแตกลายสังคโลกเพราะเย็นตัวและแข็งขึ้นอย่างช้าๆ ในสภาพอุณหภูมิที่ปกติไม่ร้อนเกิน ผมเคยอ่านศึกษาพบว่ามีหลายท่านที่เขียนหนังสือกล่าวไว้ว่า เป็นปูนเปลือกหอย(ซากของสัตว์เดรัจฉาน) ที่นำมาทำพระสมเด็จ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อได้ทำการศึกษาและค้นคว้าหาตำรามาอ่านแล้วพบว่า มีผู้คงแก่เรียนได้กล่าวเอาไว้ว่า อันซากเดรัจฉานหากนำไป สร้างอิทธิวัตถุจะไม่มีเทพสิง เทพจะสิงเฉพาะดิน ชิน แร่ โลหะ ไม้กายสิทธิ์เพียงเท่านั้น จำพวกเขี้ยวเสือ หรือสิ่งแกะสลักจากงาช้าง จะเป็นเพียงอิทธิฤทธิ์พลังจิตของผู้ปลุกสกเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นสิทธิในการแก้สิ่งชั่วร้ายในตัวของสิ่งนั้นๆ เช่นงาช้างเป็นต้น ซึ่งเปลือกหอยเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงเป็นไปได้ยากและเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมาเป็นส่วนผสมของปูนเพื่อสร้างพระสมเด็จ@

มวลสารของพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
1. ผงวิเศษ หมายถึงผงหลักวัดระฆังที่ใช้พระเณรในวัดช่วยกันลบประกอบด้วย ผงอาขยาต ผงวิภัทร์ รูปนาม และผงมูลกัจจายน์ ซึ่งสามารถรวบรวมจากวัดต่างๆ ที่มีการเล่าเรียนพระบาลีไวยกรณ์
2. ดิน (หิน) สำหรับใช้ปั้นจากเทือกเขาเมืองอันฮุย สำหรับใช้ปั้นเครื่องกังไสผึ่งแดดจัดแตกลายงาเป็นเนื้อสังคโลก ถ้าแห้งด้วยการผึ่งลม หรือสร้างพระเสร็จในเวลาพระอาทิตย์ลับฟ้าแล้วจะไม่ปรากฏแตกลายงา
3. เศษหินอ่อนจารึกคาถาธรรมิกราช โดยใช้วิธีจารลงบนแผ่นหิน แล้วนำมาย่อยปนในเนื้อพระ มีสรรพคุณในทางกันโรคอหิวาตกโรค ซึ่งยังคงมีฝังอยู่ที่สระน้ำวัดระฆัง และสระน้ำวัดอินทรวิหาร
4. ผงทองนพคุณ ผงทองรูปพรรณ ผงตะใบชนวนพระเครื่องพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล
5. ผงขี้เหล็กไหล หรือ แร่ยูเรเนียมเป็นสื่อดูดซับพลังจิต
6. เมล็ดนุ่น ที่เห็นเป็นจุดดำเล็กๆ มีอาถรรพณ์ทางชาตรีแบ่งเบาและมีน้ำมันในตัว ช่วยให้เนื้อพระเกิดความหนักเมื่อใช้ไปนานๆ
7. รักชาด (รักอ่ายมุ่ยจากประเทศจีน)
8. สีต่างๆ สีแดงคือชาดก้อนจูชาหรือชาดจอแสงสีเหลืองหินหรดาล สีแสดชาดหรคุณ สีดำเรียกว่ากัวเซ็ก ซึ่งบางท่านเรียกว่าเพชรดำ สีของธาตุน้ำเป็นสีผสมจากเมืองจีนไม่ใช่ผงใบลาน สีเขียวเป็นสีผสมจากจีนเขียวอ่อน เขียวแก่ เขียวอมฟ้า สีกุหลาบจากจีนสั่งจากยุโรปแล้วสั่งซื้อจากจีนอีกต่อหนึ่ง สีสวาทสั่งทำพิเศษ สีดอกบัวโรย สีขาบจากครามอย่างดีของเสฉวน สีเปลือกมังคุด สีต่างๆ แยกออกเป็นสีเดียว ถ้าสีรวมนับเป็นพระเบญจสิริ
9. ผงตัวยาวาสนาตามตำรา สำหรับพระสมเด็จผงยาวาสนา ซึ่งมีอยู่ในสกุลพระสมเด็จกรมเจ้าท่า
10. น้ำผึ้งจำนวนน้อยแทนเกสรร้อยแปด ไม่มีการผสมว่านและเกสร โดยเฉพาะใช้น้ำอ้อยเป็นตัวประสาน
https://www.facebook.com/…/a.435490546566…/813493178766515/…
https://plus.google.com/10709642368611609…/posts/7XBEGR4WHKo
http://www.9pha.com/?cid=1295590
http://somdatwatprakeaw.blogspot.com/
http://krua5to.blogspot.com/2011/09/blog-post_17.html
https://www.facebook.com/pg/PHRASOMDEJWATRAKANG/photos/?tab=album&album_id=1543552452547291
http://www.gejisiam.com/sh…/kaewmaneenopparat/product-113665
ความลับของผิวพระสมเด็จ
http://krua5to.blogspot.com/2014/11/blog-post.html

โทร: 

ราคา: 0 บาท

หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระสมเด็จ

0 ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถโพสบทความหรือแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ