จำนวนคนอ่านล่าสุด 147 คน

หิน​ เพชรหน้าทั่ง


หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง

หิน​ เพชรหน้าทั่ง


รายละเอียด :

12310

ลาบลาดอไลต์(Labradorite)  เป็นชนิดแร่ในกลุ่มแพลคจิโอแคลด(Plagiocase) ของแร่เฟลด์สปาร์ ที่มีจุดเด่นในการแสดงปรากฎการณ์ทางแสงในเนื้อแร่(Shiller's effect) คือ ลาบราดอร์เรสเซนต์(labradorescence) เนื้อหินมักเป็นสีเทาเขียว สีเทาเข้ม สีเทาดำหรือสีเทาขาว เมื่อมองเข้าไปในเนื้อ จะประกอบไปด้วยชั้นของเนื้อแร่ ที่จะเกิดการหักเหแสงเป็นจุดๆ หรือทั้งแนว เป็นแสงสีรุ้งแบบหางนกยูง สีน้ำเงิน สีทอง สีเขียวซีด หรือสีแดงแบบทองแดง โทนสีอาจะเป็นสีน้ำเงินเข้มที่ แตกต่างกันไปภายในแสง แสดงเฉดสีจากสีน้ำเงินที่เข้มมากไปจนถึงเฉดสีอ่อน ชิ้นที่มีการเหลือบแสงที่ดูสวยงามและชัดเจนที่สุด มักถูกคัดให้เป็นชิ้นที่มีราคาแพง ถูกค้นพบครั้งแรกที่เมืองลาบลาดอร์(Labrador) รัฐนิวฟาวแลนด์(Newfoundland) ประเทศแคนาดา โดยกลุ่มมิชชันนารีชาวโมราเวียน(ปัจจุบันเป็นกลุ่มชนในประเทศเชค) ในปี ค.ศ. 1770 ซึ่งก็เป็นผู้ตั้งชื่อแร่ชนิดนี้ จากชื่อเมืองที่พวกเข้าค้นพบ และกลายเป็นอัญมณีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป ช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 และ 19 

ชนิดของลาบลาดอไลต์ที่หายาก ได้แก่ ลาบลาดอไลต์สีทอง(Golden Labradorite) มีลักษณะสีเหลือบทอง หรือเป็นสีแบบแชมเปญ และสเปคโตรไลต์(Spectrolite) ซึ่งเป็นลาบราดอร์ไลต์ที่มีเนื้อแน่นและแสดงสีสันต์ได้หลายสี โดยทั้งหมดได้ถูกค้นพบในฟินแลนด์ในปี ค.ศ. 1940

การเกิดของลาบลาดอร์ไลต์

ลาบลาดอร์ไลต์เป็นชนิดแร่ในกลุ่มแพลคจิโอแคลด(Plagiocase) ของแร่เฟลด์สปาร์ ที่มักพบมากในหินอัคนีสีเข้ม(Mafic Igneous Rock) เช่น หินบะซอลต์ หินแกรบโบ(Grabbro)และ หินโนไลต์(norite) นอกจากนี้ยังพบในหินอัคนีชนิดอะนอร์โธไซต์(anorthosite) ซึ่งเป็นชนิดหินอัคนีที่ลาบลาดอร์ไลต์สามารถเกิดได้สมบูรณ์มากที่สุด

ตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับลาบลาดอร์ไลต์

ในตำนานโบราณลาบราดอร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องรางอัญมณีแห่งฤดูหนาว และในวัฒนธรรมตะวันออกเป็นที่รู้จักในฐานะ "อัญมณีแห่งปรากฎการณ์" ที่จะสวมใส่ในวันเสาร์ อัญมณีอัญมณีที่มีเส้นเคลื่อนไหวได้ เหมือนดวงดาว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ทิศทางแสงแตกต่างกัน และเชื่อกันว่า สามารถนำความโชคดีมาสู่ผู้สวมใส่

ชนเผ่าพื้นเมืองชาวอินุอิต(กลุ่มหนึ่งของชาวเอสกิโม)ในแคนาดา ซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ อ้างว่า ลาบลาดอร์ไลต์ชิ้นแรกได้หลุดและตกลงมาจากแสงเหนือ(Aurora Borealis) ซึ่งเกิดจากไฟที่จุดโดยบรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าลาบลาดอร์ไลต์สามารถส่องแสง จากแหล่งกำเนิดแสงที่ลึกลับ จากอาณาจักรที่มองไม่เห็น 

นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เล่าถึงนักรบชาวอินุอิตที่พบลาบราดอร์ไลต์คนแรก จากการหาสาเหตุของการหายไปของแสงเหนือ และพบลาบราดอร์ไลต์ที่มีแสงที่มีลักษณะแบบเดียวกับแสงเหนือ จึงใช้หอกทำลายลาบราดอร์ไลต์เพื่อปลดปล่อยแสงเหนือ แต่ก็ไม่สามารถทำให้แสงเหนือออกมาจากลาบราดอร์ไลต์ทั้งหมดได้(เข้าใจว่าน่าจะใช้หอกทุบจนลาบราดอร์ไลต์แตกละเอียด ก็ยังพบว่ามีการเหลือบแสงจากชิ้นที่แตกของลาบราดอร์ไลต์อยู่ดีนั่นเอง)

ชาวฟินแลนด์มักฝังชิ้นขิงลาบราดอร์ไลต์ในพื้นดินของทุ่งนาของพวกเขา เพื่อใช้ลาบราดอร์ไลต์ในการบูชาภูติแห่งดิน

สิ่งประดิษฐ์ที่มีการขุดพบในรัฐเมน(Maine) ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นถึงการใช้ลาบลาดอร์ไลต์โดยชนเผ่าอินเดียนแดง กลุ่มอัลกอนคิน(Algonquin)

มีการกล่าวว่า ผู้ที่สนใจลาบลาดอร์ไลต์หินชนิดนี้มีรากฐานหรือสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษในอาณาจักรแอตแลนติส

ความเชื่อในเรื่องของลาบลาดอไลต์

การสวมหรือการพกพา ลาบลาดอไลต์(Labradorite) ทำให้พลังวิเศษของตัวเองเกิดขึ้นได้ ช่วยเพิ่มความสามารถทางจิตและความสามารถในการใช้กระแสจิต การทำนายอนาคตและการเรียกคืนในอดีต ช่วยในการเคลื่อนย้ายจิต

ในส่วนของการทำงาน ลาบลาดอร์ไลต์ช่วยให้ผู้คนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้ชีวิตการทำงานเป็นที่พอใจมากขึ้น ส่งเสริมความสุภาพและให้ความสนใจอย่างเต็มที่ต่อลูกค้า ช่วยให้พนักงานชั่วคราวและทดลองงานมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในองค์กร 

 

ลาบราดอร์ไลต์ ช่วยลดพลังด้านลบของบุคลิกภาพ และการกระทำที่ปล้นพลังงานของเราซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือความอัปยศ ช่วยลดพฤติกรรมต่อต้านสังคม พฤติกรรมเสี่ยงหรือห่ามในเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่นำไปสู่ปัญหาโดยคนอื่นได้ง่าย และช่วยในการล้างพิษผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

ลาบราดอร์ไลต์ช่วยสงบจิตใจที่มีกระวนกระวายใจ และกระตุ้นจินตนาการ นำความคิดใหม่ เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการกลับมามีความสุข และความฟื้นคืนความปกติของชีวิต ช่วยลดปัญหาทางอารมณ์ของกิจวัตรประจำวันหรือลดความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบลงได้ และตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกของการผจญภัยและการเปลี่ยนแปลง

คุณสมบัติทางกายภาพ
 

ชนิดและประเภท: เฟลสปาร์(Feldspar หรือ tectosilicate)

โครงสร้างผลึก: ไตรคลีนิค(Triclinic)

สี: เทา ,น้ำตาล ,เขียว ,ฟ้า ,เหลือง ,ไม่มีสี

ค่าความแข็งตาสเกลของโมร์(Mohs scale hardness): 6 – 6.5

สีของผงรอยแตก: สีขาว

ความถ่วงจำเพาะ(Specific gravity): 2.68 to 2.72 ตัน/คิวบิคเมตร

คุณสมบัติพิเศษ: ลาบลาดอเลสเซนต์(Labradorescence (iridescent))

ข้อมูลอ้างอิง
1. http://www.madagascarminerals.com/cat-labradorites.cfm
2. https://en.wikipedia.org/wiki/Labradorite
3. https://www.crystalvaults.com/crystal-encyclopedia/labradorite
4. http://www.controverscial.com/The%20Magic%20of%20Rocks%20and%20Stones%20-%20Labradorite.htm
5. https://geology.com/gemstones/labradorite/
6. https://labradoritejewelry.com/blogs/news/labradorite-the-legend-of-northern-lights-in-a-gem

 

โทร: 0953395801

ราคา: 0 บาท

หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-เครื่องราง-ของมงคล

0 ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถโพสบทความหรือแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ